วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กองหน้าตัวหลัก ของ หงส์

luis-suarez-wallpaper-liverpool-2
ชื่อ : หลุยส์ ซัวเรซ Luis
Suarez

เชื้อ ชาติ : อุรุกวัย
วันเกิด : 24 มกราคม 1987
ส่วนสูง : 181 Cm.
ต้นสังกัด : Liverpool
ตำแหน่ง : ปีกซ้าย, ปีกขวา, กองหน้าตัวต่ำ,
กองหน้าตัวเป้า
หลุยส์ ซัวเรซ Luis
Suarez
กองหน้าดาวรุ่งจากประเทศ อุรุกวัย
เริ่มต้นค้าแข้งกับทีมในลีกอุรุกวัยตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี
จากนั้นด้วยการโชว์ฟอร์มถล่มประตูอันยอดเยี่ยม ทำให้ไปเข้าตาแมวมองจาก สโมสร
Groningen จากประเทศ เนเธอร์แลนด์ และทันทีที่ย้ายมาร่วมทีมก็ระเบิดฟอร์มในลีก
เอรีดิวีซี่ เนเธอร์แลนด์ กับ Groningen ในที่สุด Ajax Amsterdam ยอดทีมจากเมือง
อัมสเตอร์ดัม ก็แสดงความสนใจในตัวเขาอย่างชัดเจน และ ติดต่อซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วย
สนนราคาประมาณ 9.5 ล้านยูโร และได้เบอร์เสื้อเบอร์ 16 ไปครอบครอง
หลังจากได้มาร่วมทีมจากเมืองหลวง Suarez
ก็ไม่ได้ทำให้ Ajax รู้สึกเสียดายเม็ดเงินที่ทุ่มไปด้วยการถล่มประตูให้กับทีมไปถึง
19 ประตูจากการลงสนาม 37 นัดในฤดูกาลแรก โดยที่เขาได้จับคู่กับ Klass Jan Huntelaar
ในแดนหน้าช่วยกันยิงให้ Ajax ไปเกิน 50 ประตู แต่แล้วคู่ขาในแนวรุกของเขา Huntelaar
ก็ได้จากทีมไปร่วมทัพราชันชุดขาว ทำให้ Suarez กลายเป็นกำลังหลักในแดนหน้าให้กับ
Ajax และ ยังได้รับปลอกแขนกัปตันทีมมาครอบครองในฤดูกาล 2009-2010 อีกด้วย
แต่ต่อมาเจ้าตัวสละปลอกแขนกัปตันให้กับ Maarten Stekelenburg
ผู้รักษาประตูจอมหนึบของทีม ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าตัวคิดว่าไม่เหมาะกับหน้าที่นี้
และขอมุ่งมั่นระเบิดตาข่ายคู่ต่อสู้อย่างเดียวดีกว่า
ซึ่งต่อมาในเดือนเดียวกันนั้นเอง (มกราคม 2011) ก็เป็นหงส์แดง Liverpool
ที่จัดการซิวตัวเขาไปร่วมทีมได้สำเร็จหลังจากเจรจากับทาง Ajax Amsterdam
อย่างยาวนานด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์
ในทีมชาติ Suarez
ก็ได้รับความไว้วางใจให้ไปติดธงทีมชาติ อุรุกวัย ตั้งแต่ปี 2007 และ
ทำประตูให้กับทีมชาติได้สม่ำเสมอด้วย
มีการคาดการณ์ว่าจะเป็นกำลังหลักของชาติไปอีกนาน โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก 2010
ที่แอฟริกาใต้ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้จัดจ้านจนดังระเบิดไปทั่วโลก
สไตล์การเล่นแบบเน้นการครองบอลเลี้ยงเข้าทำเอง และ มีทีเด็ดอยู่ที่ลูกยิงไกลบวกกับ
การยิงลูกแบบวอลเล่ย์ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ Luis Suarez
จะเป็นกองหน้าที่ตัวไม่สูงมากแต่ก็สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี
รวมถึงความเฉียบคมในการสังหารประตู

credit - http://www.tlcthai.com/sports/clip-vdo/3658/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B9%8C-%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%8B-luis-suarez-%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AB%E0%B8%87.html

รายชื่อนักเตะลิเวอร์พูล 2012/2013



รายชื่อนักเตะลิเวอร์พูล 2012/2013 พรีเมียร์ลีก Squad Liverpool 2012-2013 Premier League




รายชื่อนักเตะลิเวอร์พูล 2012/2013 พรีเมียร์ลีก Squad Liverpool 2012-2013 Premier League


ลิเวอร์พูล อดีตทีมแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัย กำลังตามล่าหาแชมป์พรีเมียร์ลีสมัยแรก ในพรีเมียร์ลีกฤดู กาล 2012/2013 โดยฤดูกาลใหม่นี้ได้กุนซือใหม่อย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาทำหน้าที่แทนเคนนี่ ดัลกลิช แต่นักเตะส่วนใหญ่ยังใช้รายชื่อนักเตะชุดเดิมจากฤดูกาลที่แล้วเป็นหลัก สำหรับนักเตะใหม่ที่ได้มาคือ ฟาบิโอ บอรินี่, โจ อัลเลน และอุสซาม่า อัสไซดี้ ส่วนนักเตะที่ต้องย้ายไปคือ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, เคล็ก เบลามี่ และ เดิร์ค เค้าท์ สำหรับตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคม ลิเวอร์พูลเสริมทับอีกโดยได้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ มาจากเชลซี และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติบราซิล จากอินเตอร์ มิลาน ส่วนนักเตะที่ต้องย้ายในรอบนี้ คือ โจ โคล ที่ย้ายกลับไปทีมแจ้งเกิดอย่าง เวสต์แฮม

หมายเลข ชื่อนักเตะ สัญชาติ ตำแหน่ง วันเกิด
1 แบรด โจนส์ ออสเตรเลีย ผู้รักษาประตู 19/3/1982
2 เกล็น จอห์นสัน อังกฤษ กองหลัง 23/6/1984
3 โจเซ่ เอ็นริเก้ สเปน กองหลัง 23/1/1986
5 แดเนียล แอ็กเกอร์ เดนมาร์ค กองหลัง 12/12/1984
7 หลุยส์ ซัวเรซ อุรุกวัย ศูนย์หน้า 24/1/1987
8 สตีเว่น เจอร์ราร์ด อังกฤษ มิดฟิลด์ 30/5/1980
10 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ บราซิล มิดฟิลด์ 12/6/1992
11 อุสซาม่า อัสไซดี้ โมร็อคโก มิดฟิลด์ 15/8/1988
14 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อังกฤษ มิดฟิลด์ 17/6/1990
15 แดเนียล สเตอร์ริดจ์ อังกฤษ กองหน้า 1/9/1989
16 เซบาสเตียน โคอาเตส อุรุกวัย กองหลัง 7/10/1990
19 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง อังกฤษ มิดฟิลด์ 22/7/1984
21 ลูคัส เลวา บราซิล มิดฟิลด์ 9/1/1987
23 เจมี่ คาร์ราเกอร์ อังกฤษ กองหลัง 28/1/1978
24 โจ อัลเลน เวลล์ มิดฟิลด์ 14/3/1990
25 โฆเซ่ เปเป้ เรน่า สเปน ผู้รักษาประตู 31/8/1982
29 ฟาบิโอ บอรินี่ อิตาลี ศูนย์หน้า 23/3/1991
30 เฟอร์นานเดซ ซูโซ่ สเปน ศูนย์หน้า 19/11/1993
31 ราฮีท สเตอร์ลิ่ง อังกฤษ มิดฟิลด์ 8/12/1994
32 โดนี่ บราซิล ผู้รักษาประตู 22/10/1979
33 จอนโจ เชลวี่ย์ อังกฤษ มิดฟิลด์ 27/2/1992
34 มาร์ติน เคลลี่ อังกฤษ กองหลัง 27/4/1990
35 คอนเนอร์ โคดี้ อังกฤษ กองหลัง 25/2/1993
36 ซาเหม็ด เยซิล เยอรมัน กองหน้า 25/5/1994
37 มาร์ติน สเคอร์เทล สโลวาเกีย กองหลัง 15/12/1984
38 จอห์น ฟลานาแกน อังกฤษ กองหลัง 21/1/1993
42 ปีเตอร์ กูลัคซี ฮังการี ผู้รักษาประตู 6/5/1990
45 สตีเฟ่น ซาม่า เยอรมัน มิดฟิลด์ 5/3/1993
47 อันเดร วิสดอม อังกฤษ กองหลัง 9/5/1993
48 เจอร์โรม ซินแคลร์ อังกฤษ ศูนย์หน้า 20/9/1996
49 แจ็ค โรบินสัน อังกฤษ กองหลัง 1/9/1993
50 อดัม มอร์แกน อังกฤษ ศูนย์หน้า 24/4/1994

เจย์ สเปียริ่ง อังกฤษ มิดฟิลด์ 25/11/1988 (ปล่อยให้ โบลตัน ยืม)
แอนดี้ แคร์โรลล์ อังกฤษ ศูนย์หน้า 6/1/1989 (ปล่อยให้ เวสต์แฮม ยืม)
แดนนี่ วิลสัน สก็อตแลนด์ กองหลัง 27/12/1991 (ปล่อยให้ ฮาร์ทส์ ยืม 6 เดือน)
ดาเนี่ยล ปาเชโก้ สเปน ศูนย์หน้า 5/1/1991 (ปล่อยให้เดปอร์ติบา ฮูเอสก้า ยืม)

นูริ ซาฮิน ตุรกี มิดฟิลด์ 5/9/1988 (รีล มาดริด ให้ ดอร์ทมุนด์ ยืม 18 เดือน)
ชาร์ลี อดัม สก็อตแลนด์ มิดฟิลด์ 10/12/1985 (ย้ายไป สโต๊ค ซิตี้)
นาธาน เอ็คเคิลสตัน อังกฤษ ศูนย์หน้า 30/12/1990 (ย้ายไป แบล็คพูล)
โจ โคล อังกฤษ มิดฟิลด์ 8/11/1981 (ย้ายไป เวสต์แฮม)
credit - http://www.premier-update.com/2012/08/squad-liverpool-2012-2013-premier-league.html

ประวัติของทีมลิเวอร์พูล

จุดเริ่มต้นที่ถนนแอนฟิลด์

สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1892 โดย John Houlding ซึ่งนักธุรกิจท้องถิ่น และว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล เขาเริ่มจากการเช่าพื้นที่บริเวณถนนแอนฟิลด์ ของเมืองลิเวอร์ุัพูลเพื่อสร้างสนามฟุตบอล และได้ปล่อยให้ทางสโมสรเอฟเวอร์ตันเช่าในปีค.ศ. 1884 จนกระทั่งเอฟเวอร์ตันเข้าเป็นสมาชิิกฟุตบอลลีก และไม่ต่อสัญญาเช่าอีกในปีค.ศ. 1892 เนื่องจากเขาต้องการขึ้นค่าเช่าสนามจาก 100 ปอนด์ เป็น 250 ปอนด์ต่อปี และพยายามจะเข้าบริหารงาน ของสโมสร ทางเอฟเวอตันจึงตัดสินใจย้ายไปใช้สนามอีกฝากของสวนสาธารณะสแตนลี่ย์พาร์ค และใช้ชื่อสนามว่า กูดิสัน พาร์ค มาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อสนามไม่ได้ใช้ประโยชน์ John Houlding จึงจัดตั้งทีมฟุตบอลของเขาขึ้นมาเองโดยให้เพื่อนสนิทอย่าง John McKenna มาเป็นประธานสโมสรและตั้งชื่อทีมว่าลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับอย่างในปัจจุบัน

การเริ่มต้นอย่างสง่างาม

หลังจากตั้งสโมสรก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน ลิเวอร์พูลก็โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด โดยประเดิมสนามนัดแรกด้วยการเอาชนะทีม Rotherham Town ไปถึง 7-1 อีกทั้งการแข่งขันฟุตบอลลีก ของแคว้นแลงคาเชียร์ ซึ่งสามารถเอาชนะทีม Higher Walton ด้วยสกอร์ 8-0 ที่สนามแอนฟิลด์ โดยลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะถึง 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ก่อน ในฤดูกาล 1893-1894 ซึ่งสโมสรสามารถเก็บชัยชนะได้แบบ 100% (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ หรือก็คือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ซึ่งลิเวอร์พูลก็เอาชนะไปได้ 2-0 และได้เลื่อนขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในที่สุด ทั้งนี้สโมสรได้เลือกสัญลักษณ์เป็นนกลิเวอร์เบิร์ด ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวญแม่น้ำเมอร์ซี่ โดยที่ปากนกนั้นคาบใบไม้ไว้

บิล แชงค์ลี่ย์

ในช่วงศตวรรษที่ 20-50 ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างที่คาดไว้ เพราะทีมยังต้องขึ้นๆ ลงๆ อยู่เป็นประจำระหว่างดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 จนในปีค.ศ. 1954 ลิเวอร์พูลต้องลงไปเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 นานกว่าปกติและก็ยังไม่มีผู้จัดการคนไหนสามารถพาทีมกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ได้สักที จนเมื่อชายที่ชื่อว่า บิลล์ แชงค์ลี่ย์ เข้ามาคุมทีมได้เพียง 2 ฤดูกาล เขาก็พาทีมขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ในฐานะแชมป์ของดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จในปีค.ศ. 1962 ซึ่งแชงค์ลี่ย์มีปรัชญาการคุมทีมอย่างง่ายๆ คือ ฟุตบอลแบบพื้นๆ แต่เน้นการส่ง และรับบอล อย่างแม่นยำ เล่นกันเป็นทีมมากกว่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทีมลิเวอร์พูลมาจวบจนปัจจุบัน

บ็อบ เพสลี่ย์ ผู้สืบทอดของแชงค์ลี่ย์

แต่หลังจากอังกฤษคว้าแชมป์โลก บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 1973 หลังจากพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพได้ในปี 1972 โดยมีบ๊อบ เพสลี่ย์ มีขวาของเขามารับช่วงต่อแทน และบ๊อบใช้เวลาเพียง 4 ปี ในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และในปีต่อมาเขาก็พาลิเวอร์พูลประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งเมื่อพาทีมคว้าดับ เบิ้ลแชมป์ จากดิวิชั่น 1 และยูโรเปี้ยน คัพ มาครอง อีกทั้งยังคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพมาได้อีก 2 ครั้งในปี 1981 และ 1984 ก่อนที่บ็อบ เพสลีย์จะลาออกจากตำแหน่ง

จาก โจ ฟาแกน ถึง คิง เคนนี่

โจ เฟแกน คือผู้จัดการทีมต่อจากบ็อบ เพสลี่ย์ ซึ่งในการคุมทีมของเขาได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น มีผู้เสียชีวิต 39 คนจากการที่ทีมลิเวอร์พูลแพ้ทีมยูเวนตุส 1-0 จากลูกจุดโทษ ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปี้ยน คัพ ที่สนามเฮย์เซล สเตเดี้ยม ในกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม
ซึ่งทำให้เฟแกนตัดสินใจลาออกจากการคุมทีม ทำให้เคนนี่ ดัลกลิช ผู้เล่นที่ก้าวมาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร และเขาก็พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่การคุมทีมปีแรก

ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

หลังจากในปี 1990 หรือตั้งแต่ดัลกลิช ทนรับความเครียดจากเหตุการณ์เศร้าสลดที่ สนามฮิลส์โบโร่ ได้จึงลาออกจากการคุมทีม จากนั้นมาลิเวอร์พูลก็ไม่ประสบความสำเร็จในลีกสูงสุดอีกเลยไม่ว่าจะเป็นยุค ของแกรม ซูเนส, รอย อีแวนส์, หรือเชรา อุลลิเยร แม้ว่าอุลลิเยร์จะสามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ ในปี 2001 คือ League Cup, UEFA Cup และFA Cupัพ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ความสำเร็จที่แฟนบอลรอคอยนัก มีดวามเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในทีม ทั้งวิธีการซื้อนักเตะ รูปแบบการเล่น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลประสบปัญหาในเรื่องฟอร์ม การเล่น

การปฏิรูปครั้งใหญ่ของบินิเตส

ราฟาเอล เบนิเตส ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่แฟนๆ หงส์แดงฝากความหวังไว้มากทีเดียว เขาผ่าตัดทีมลิเวอร์พูลครั้งใหญ่ พร้อมทั้งนำทั้งสต๊าฟและผู้เล่นชาวสเปนเข้ามาเสริมทีมหลายคน แม้ผลงานในลีกอังกฤษจะไม่ดีอย่างที่แฟนๆคาดไว้ แต่ผลงานของทีมในระดับประเทศยุโรปนั้นดีมากๆ จากการที่เขานำทีมคว้าแชมป์ UEFA Champions League และในฤดูกาลที่ผ่านมาเขาก็นำทีมคว้าแชมป์ FA Cup 2006 ได้อีกด้วย แถมทีมก็อยู่ในอันดับ 3 ของลีกอีกต่างหาก ส่วนในฤดูกาลนี้จะสามารถคว้าเอาแชมป์พรีเมียร์ชิพแรกของทีมได้หรือไม่...


อ้างอิง http://www.lfcthailand.com/history.php